Iris Origin SEA แนะนำอาชีพไหน PVP/PVE สายฟรีเลือกปั้นได้ยาวๆ
Iris Origin SEA เป็นเกมแนว MMORPG ที่พัฒนาขึ้นโดย Soul M Game ร่วมกับ Ultimate Game เพื่อเปิดให้บริการเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกมนี้เป็นการ “ชุบชีวิต” จากเวอร์ชัน PC ต้นฉบับของ Iris ซึ่งจะมีระบบคลาสิกหลายอย่าง เช่น การพัฒนาตัวละคร, การอัปเกรดอุปกรณ์, ระบบคอนเทนต์กิลด์, การต่อสู้ระหว่างผู้เล่น (PvP) และการเล่นร่วมกับผู้เล่น (PvE) ตัวเกมรองรับการเล่นทั้งบนมือถือและ PC (cross-platform) เพื่อให้ผู้เล่นจากหลายแพลตฟอร์มสามารถเล่นร่วมกันได้

ภายในเกม Iris Origin SEA มีเผ่าต่าง ๆ ให้เลือก (มนุษย์, เอลฟ์, ครึ่งสัตว์) และมี 6 คลาสหลัก ให้ผู้เล่นได้เลือกเล่น ได้แก่ Knight, Hunter, Mage, Ranger, Guardian, Berserker
Iris Origin SEA แนะนำคลาสทั้ง 6 และบทบาทใน PvE / PvP
ด้านล่างคือภาพรวมของแต่ละคลาส พร้อมจุดเด่นและข้อด้อยในด้าน PvE และ PvP
|
คลาส |
จุดเด่นหลัก / ธีม |
ประสิทธิภาพใน PvE |
ประสิทธิภาพใน PvP |
|
Knight |
นักรบถือดาบ สมดุลระหว่างบุกและตั้งรับ |
เป็นตัวลุยหน้าที่ดี มีความคงทน เหมาะในการรับความเสียหายและทำดาเมจปานกลางในดันเจี้ยน |
ความสามารถตั้งรับดี เหมาะกับการปะทะในสนาม แต่ดาเมจอาจตามหลังคลาส DPS |
|
Hunter |
นักธนู/มือปืน — โจมตีระยะไกล |
ทำดาเมจระยะไกล คอยยิงเป้าหมายจากระยะปลอดภัยใน PvE |
ใน PvP มีโอกาสตายง่ายถ้าเข้าใกล้ หรือถูกลอบโจมตี แต่หากควบคุมดีสามารถสร้างความได้เปรียบ |
|
Mage |
ใช้เวทมนตร์ (หลายธาตุ) |
ดาเมจสูง มีสกิลพื้นที่ เหมาะกับการเคลียร์มอนสเตอร์เป็นกลุ่ม |
ประสิทธิภาพดีใน PvP หากหนีรอดสถานการณ์ได้ — แต่ถ้าโดนเข้าถึงตัวจะอ่อนแอ |
|
Ranger |
นักธนูชำนาญ / กับดัก |
โจมตีระยะไกล + กับดัก ช่วยควบคุมมอนสเตอร์แบบเฉพาะ |
ใน PvP ถ้ามีการตั้งกับดักควบคุมได้ดี จะเป็นภัยยิ่ง แต่ต้องระวังโดนล้วง |
|
Guardian |
โล่ป้องกัน / แท็งค์ |
บทบาทป้องกัน เหมาะช่วยทีมถ่วงดาเมจและดึงความสนใจของบอส |
เป็นตัวโซลพอร์ต / ตัวตั้งรับที่แข็งแกร่งในสนาม PvP |
|
Berserker |
นักรบจอมโหด ใช้ดาบใหญ่ |
โจมตีรุนแรง โฟกัสที่ดาเมจสูง |
ใน PvP ถ้าเข้าถึงตัวศัตรูได้ จะเป็นภัยร้ายแรง — แต่ถ้าโดนหยุดก็อ่อนแอ |
สำหรับผู้เล่น “สายฟรี” (Free-to-Play)
ใน Iris Origin SEA ระบบโดยรวมผู้พัฒนาได้ออกแบบให้สามารถเก็บทรัพยากรส่วนใหญ่ได้จากการเล่นจริง ไม่ว่าจะเป็นการฟาร์มดันเจี้ยนรายวัน, ทำเควสประจำ, เข้าร่วมกิจกรรมกิลด์ หรือการล่าบอสโลก ผู้เล่นที่ไม่เติมเงินจึงยังสามารถพัฒนาตัวละครได้ตามลำดับ เพียงแต่ต้องอาศัย “เวลา” และ “ความสม่ำเสมอ” มากกว่าผู้เล่นที่เติม
Knight – เหมาะสุดสำหรับสายฟรี

Knight เป็นคลาสที่ “ใช้ต้นทุนต่ำแต่ประสิทธิภาพสูง” เพราะมีสกิลที่เน้นสมดุลระหว่างโจมตีและป้องกัน จึงไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ระดับสูงมากนักก็สามารถผ่านดันเจี้ยนหรือเควสได้อย่างต่อเนื่อง อุปกรณ์เน้นค่าป้องกันและเลือด ซึ่งหาได้ง่ายจากดรอปทั่วไป เหมาะอย่างยิ่งกับผู้เล่นที่ชอบเล่นระยะยาวโดยไม่ต้องเติมเงินมาก
Mage – สายฟรีเล่นได้ แต่ต้องรู้จังหวะ

Mage มีพลังโจมตีแรงมาก ทำให้ฟาร์มมอนสเตอร์ได้ไว แต่ข้อเสียคือบอบบาง หากไม่มีไอเท็มเพิ่มพลังป้องกันหรือบัฟจากเพื่อนร่วมทีมอาจตายง่าย ผู้เล่นสายฟรีจึงต้องอาศัยการอัปสกิลอย่างชาญฉลาด เช่น การใช้สกิลควบคุมและระเบิดพื้นที่ให้จบไวก่อนโดนล้อม เมื่อถึงกลางเกมขึ้นไป หากมีไอเท็มดี ๆ ก็จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
Ranger / Hunter – เป็นมิตรกับสายฟรีระดับกลาง

สองคลาสนี้เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชอบการต่อสู้ระยะไกล โดยเฉพาะ Hunter ที่เน้นความแม่นยำกับเป้าหมายเดี่ยว สามารถเล่นสายฟรีได้ดี เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์ระดับสูงมาก แต่ต้องลงทุนเวลาในการอัปอุปกรณ์เสริม (ลูกศร, กับดัก, หรือสกิลเสริมคริติคอล) เพื่อให้มีดาเมจพอในการต่อสู้ระดับสูง Ranger จะได้เปรียบตรงที่มีสกิลควบคุม (เช่น วางกับดักหรือสโลว์) ซึ่งช่วยให้รอดใน PvP ได้แม้ไม่มีอุปกรณ์เทพ ในระยะยาวจึงถือว่าเป็นคลาสที่เล่นได้ยาว ๆ สำหรับสายฟรีที่ชอบเล่นแบบฉลาดและวางแผน
Berserker – เล่นสายฟรีได้แต่ต้องฟาร์มหนัก

Berserker เป็นคลาสที่เน้นการลุยและสร้างความเสียหายสูงสุด ข้อดีคือเล่นสนุก ดาเมจแรงตั้งแต่ต้น แต่ข้อเสียคือ “กินทรัพยากร” มาก ทั้งอุปกรณ์โจมตีและค่าบำรุงรักษา ผู้เล่นสายฟรีที่อยากเล่นคลาสนี้ต้องขยันฟาร์มบอสและเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มบ่อย ๆ เพื่อหาอาวุธระดับดีมาชดเชยพลังขาดทุนจากการไม่เติมเงิน หากสามารถหากิลด์ที่ช่วยซัพพอร์ตหรือจัดทีมลงดันประจำ จะช่วยลดช่องว่างระหว่างสายฟรีกับสายเติมได้มาก
Guardian – คลาสแท็งค์ที่เหมาะกับสายฟรีอีกตัว

Guardian มีต้นทุนต่ำในแง่ของการพัฒนา เพราะเน้นค่าป้องกัน, HP และบัฟป้องกัน ซึ่งหาได้จากอุปกรณ์ทั่วไป การเป็นแท็งค์ทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งดาเมจกับใครมากนัก และมักได้รับการยอมรับในทุกปาร์ตี้ ผู้เล่นสายฟรีสามารถปั้น Guardian ให้เก่งได้โดยเน้นอัปสเตตัสด้านป้องกันและสกิลดึงความสนใจของศัตรู นอกจากนี้ Guardian ยังเป็นที่ต้องการในกิจกรรม PvE และ PvP เสมอ ทำให้แม้จะไม่เติมเงินก็ยังหาปาร์ตี้เล่นได้ง่ายในทุกช่วงเกม
สำหรับสายฟรีในทุกคลาส
|
คลาส |
ความเหมาะกับสายฟรี |
เหตุผลหลัก |
|
Knight |
⭐⭐⭐⭐⭐ |
สมดุล เล่นได้ทุกโหมด ไม่ต้องพึ่งของแพง |
|
Guardian |
⭐⭐⭐⭐ |
แท็งค์ประหยัด ง่ายต่อการหาปาร์ตี้ |
|
Mage |
⭐⭐⭐ |
ต้องอาศัยทักษะและระยะห่าง แต่ดาเมจแรง |
|
Ranger |
⭐⭐⭐ |
ควบคุมได้ดี ฟาร์มง่ายแต่ต้องมีเวลา |
|
Hunter |
⭐⭐ |
ต้องลงทุนเวลาในการอัปของแม่นยำ |
|
Berserker |
⭐⭐ |
ดาเมจสูงแต่กินทรัพยากร ต้องฟาร์มหนัก |
คลาสที่ “ปั้นตั้งแต่ต้นเกมถึงท้ายเกมได้ดี” คลาสที่แนะนำเป็นพิเศษ
เมื่อพิจารณาความยืดหยุ่นในการเติบโตตั้งแต่ต้นจนถึงปลายเกม หลายคนแนะนำคลาสที่มีทั้งบทบาทโจมตีและบทบาทป้องกัน หรืออย่างน้อยมีความสามารถที่สามารถ “อัปเกรด” เพื่อรองรับคอนเทนต์ระดับสูงได้ ดังนี้:
- Knight ความสมดุลระหว่างรุก-รับ ทำให้ในช่วงต้นเกมสามารถสู้ได้โดยไม่ตายง่าย และในปลายเกมยังสามารถปรับจุดเด่นให้ไปทางดาเมจหรือต้านทาน
- Guardian หากเจาะจุดป้องกันดี จะเป็นตัวที่ขาดไม่ได้ในทุกช่วงเกม โดยเฉพาะในคอนเทนต์แบบกลุ่ม
- Mage ในช่วงต้นอาจต้องระวังการป้องกัน แต่ถ้าอัปเกรดสกิลและหาไอเท็มดี ๆ ได้ จะเป็นตัวทำ DPS หลักในช่วงท้ายเกม
- Berserker ถ้าผู้เล่นสามารถฝึกฝนการเอาตัวรอดและเลือกช่วงจังหวะดี จะกลายเป็นคลาสที่มีพลังในช่วงท้ายเกม
โดยรวม ถ้าให้เลือกคลาสเดียวที่ปั้นได้ตั้งแต่ต้นจนถึงปลายเกมมองว่า Knight หรือ Guardian จะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย เพราะมีความทนทาน (survivability) ที่ช่วยให้ไม่ตายง่ายในช่วงต้น และยังสามารถปรับทิศทางเพื่อรองรับคอนเทนต์ระดับสูงได้

เฟรมเรตสูง ไม่แลค – รบกิลด์พันคน บอสโลกก็ยังลื่น
หลายไอดีพร้อมกัน – เก็บเลเวล/ลงดันมีประสิทธิภาพ
มาโครออโต้ – เก็บของ ทำเควส กิลด์คอนทริบิวต์ง่าย ๆ
อัดคลิป/แคปจอ – แชร์โมเมนต์มันส์ลงโซเชียลมีเดียได้ทันที
แนวทางการปั้นตัวละครให้ถึงจุดสูงสุด เคล็ดลับทั่วไป
- เน้นความสมดุลก่อน ในต้นเกมอย่ารีบจุ่มดาเมจเต็มที่ ควรใส่ค่าสเตตัสเพื่อให้สามารถทนทานต่อการโจมตีได้บ้าง จะช่วยลดการตายซ้ำซาก
- เลือกสกิลหลักให้ดี พยายามเลือกสายสกิลที่มีประโยชน์ครอบคลุม เช่น มีสกิลเสริมการอยู่รอด, สกิลควบคุม หรือสกิลบัฟให้กับตัวเอง
- จัดลำดับอัปเกรดอุปกรณ์ให้เหมาะสม บางครั้งอัปเกรดเกราะหรืออุปกรณ์ป้องกันอาจให้ประโยชน์มากกว่าการอัปเกรดดาเมจ
- เน้นคอนเทนต์กลุ่ม / ดันเจี้ยนเป็นประจำ คอนเทนต์ดันเจี้ยนหรือบอสกลุ่มมักให้ไอเท็มดี ๆ ที่ช่วยยกระดับตัวละครในช่วงกลางถึงปลายเกม
- ร่วมกับกิลด์ / ผู้เล่นคนอื่น ในเกม MMORPG การมีเครือข่ายช่วยกันทำเควส, บอส, PvP จะช่วยให้เก็บทรัพยากรได้เร็วขึ้น และช่วยเติมจุดอ่อนของคลาสเรา
- ปรับจูนตามสถานการณ์ ในช่วงท้ายเกม คุณอาจต้องรีสกิลหรือรีอัปคะแนนสเตตัสให้เหมาะสมกับบทบาทที่เกมต้องการ (เช่น เพิ่มดาเมจ, เพิ่มต้านทาน, เพิ่มการควบคุม ฯลฯ)
Iris Origin SEA





